บันทึกท้ายบท ครูสมาธิรุ่นที่41

บันทึกท้ายบท


เนื้อหาสาระในบทความอันนี้จะกล่าวถึง บันทึกบทท้ายของหลักสูตรครูสมาธิ รุ่นที่41 หรือก็คือการสรุปบทเรียนที่มีอยู่ทั้งหมดนั่นเอง
โดยส่วนตัวนั้นคิดว่ามันมีเนื้อหาที่น้อยเอามากๆเลยล่ะ เรียนมาตั้ง6เดือน แต่สรุปแค่นี้เนี่ยนะ แต่ก็อย่างว่าแหละ เรียนเอาผ่านอ่ะ คือเป้าหมายคืออยากให้ผู้เรียนผ่านการสอบทุกคน ข้อสอบก็อาจจะออกมาง่ายๆหน่อย เดี๋ยววันที่31จะมี pretest เดี๋ยวจะมารีวิวให้อีกทีนาจา

หลังจากนี้จะเป็นสิ่งที่เราได้บันทึกเอาไว้ แล้วตอนท้ายจะมีคลิปเสียงที่ได้รับการอนุญาตให้อัดได้ด้วยนะ แต่ห้ามเผยแพร่ให้คนนอก คนที่ได้ฟังก็ฟังผ่านๆก็แล้วกันนะ เสียงอาจจะเบาๆไปนิด และอาจไม่นิดด้วย ถถถถถถ
เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า

  • รุ่นนี้มีชื่อรุ่นว่า เอกจัตตาฬิสโม  มหาโชติปัญญา(ความรุ่งโรจน์แห่งปัญญาอันยิ่งใหญ่) เป็นรุ่นที่41 ของหลักสูตรครูสมาธิ ของสถาบันพลังจิตตานุภาพ
  • ต่อมาพระอาจารย์ก็จะอ่านสิ่งที่อยู่ในหนังสือเล่มที่3ให้ฟัง ตรงบันทึกบทท้าย
  • จุดประสงค์ของการทำสมาธิคือ สะสมพลังจิต
  • กรทำสมาธิต้องอาศัยความชำนาญ คือทำอย่างต่อเนื่องจนชำนาญให้ไม่เกิดความผิดพลาดอะไร หรือเกืดความผิดพลาดน้อยที่สุด
หลักสูตรครูสมาธิ จบไปแล้ว สอนตัวเองได้ แต่สอนตามสาขาไม่ได้ ต้องไปเรียนอีกหลักสูตร คือ อาจารยสาสมาธิ (ซึ่งคุณสมบัติเบื้องต้นคืออายุ30+ แต่ครูสมาธิรับ18+ งี้เด็กวัยรุ่นไฟแดงก็จบเห่เลยจ้าาาา เค้าว่าต้องมีคุณวุฒิและวัยวุฒิที่เหมาะสม)
หลักสูตนครูสมาธิ เรียนไปเพื่อน สอนตัวเอง และแนะนำการทำสมาธิให้กับคนรอบข้าง แต่สอนแบบเป็นขั้นเป็นตอนลงรายละเอียดที่สาขาไม่ได้ ต้องเรียนอาจารยสาฯ เพราะฉนั้น เรียนไปแล้ว แนะนำได้ แต่สอนจริงจังไม่ได้ นี่ตีความจากที่ฟังมาเลยนะ

  • เรียนสมาธิต้องควบคู่ทั้ง ทฤษฎี และ ปฏิบัติ ทฤษฎีคือการนั่งเรียน 6เดือน ร่วม 200ชั่วโมง ส่วนการปฏิบัติ คือการเดินจงกรม นั่งสมาธิ และธุดงค์
  • สถาบันพลังจิตตานุภาพ ก่อตั้งในปี 2540 โดย พระธรรมมงคลญาณ พระอาจารย์หลวงพ่อ วิริยังค์ สิรินฺธโร ซึ่งในขณะนั้น ยังดำรงตำแหน่งเป็น พระเทพเจติยาจารย์ อยู่ แต่ให้ตอบเป็น พระธรรมมงคลญาณ นาจา
  • คำสัตย์ปฎิญาณของนักศึกษาครูสมาธิ
ข้าพเจ้า จะขอตั้งสัตย์ปฏิญาณว่า
ข้อที่หนึ่ง  ข้าพเจ้า จะมีเมตตาต่อกัน
ข้อที่สอง ข้าพเจ้า จะมีความสามัคคีกัน
ข้อที่สาม ข้าพเจ้า จะให้อภัยซึ่งกันและกัน
ข้อที่สี่ ข้าพเจ้า จะไม่นำวิชาสมาธิไปใช้ในทางที่ผิด
ข้อที่ห้า ข้าพเจ้า จะทำสมาธิ แผ่เมตตาจิต แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย เพื่อความสันติสุขของโลกยิ่งขึ้นต่อไป 

  • การทำสมาธิ มีอยู่ 4 อิริยาบท คือ ยืน เดิน นั่ง นอน แต่สถาบันฯจะเน้นให้ทำ เดิน กับ นั่ง
  • สมาธิแบ่งเป็น 2ประเภท คือ สมาธิธรรมชาติ กับ สมาธิที่สร้างขึ้น 
    • สมาธิธรรมชาติ ไม่ต้องทำอะไร จะเกิดขึ้นเองอัตโนมัติ จากการนอนหลับซึ่งใช้แล้วหมดไปไม่มีเหลือ เปรียบได้ดั่งแบตมือถือ
    • สมาธิที่สร้างขึ้น เกิดตั้งแต่บริกรรมครั้งแรก แค่เริ่มบริกรรมก็เริ่มมีสมาธิเลย เป็นสมาธิที่ได้มาจากการทำสมาธิ จิตได้สะสมพลังจิตหากใช้แล้วเหลือก็จะเก็บไปข้ามภพข้ามชาติเลย กล่าวคือ 60%เก็บข้ามภพเรียกว่าพลังหลัก 40%นำมาใช้กับสมาธิธรรมชาติเรียกว่าพลังเฉลี่ย
  • ฐานที่ตั้งของจิต โดยหลักแล้วมีอยู่ 3ฐาน ที่เรียกว่าฐานหลัก คือ หน้าผาก หัวใจ สะดือ
  • คำอธิษฐานก่อนเดินจงกรม
เมตตา กรุณา มุทุตา อุเบกขา พุทโธ พุทโธ พุทโธ

  • คำแผ่เมตตาหลังเดินจงกรม
สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ ขอให้สัตว์ทั้งหลาย จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด

  •  คำอธิษฐานก่อนนั่งสมาธิ
ข้าพเจ้า ระลึกถึง คุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ คุณบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ จงมาดลบันดาล ให้ใจของข้าพเจ้า จงรวมลงเป็นสมาธิ พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ ธัมโม สังโฆ พุทโธ พุทโธ พุทโธ

  • คำแผ่เมตตาหลังนั่งสมาธิ
สัพเพ สัตตา สะทา โหนตุ อะเวรา สุขะชีวิโน ขอให้สั้ตว์ทั้งหลาย จงเป็นผู้ไม่มีเวรต่อกันและกัน จงเป็นผู้ดำรงชีพอยู่เป็นสุขทุกเมื่อเถิด
กะตัง ปุญญัง ผะลัง มัยหัง สัพเพ ภาคี ภะวันตุ เต ขอให้สั้ตว์ทั้งสิ้นนั้น จงเป็นผู้มีส่วนได้เสวยผลบุญ อันที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแล้วนั้นเทอญ

  • เหตุผลที่ต้องบริกรรม เพื่อ กรองอารมณ์ และสลายอารมณ์ให้เหลือเพียงอารมณ์เดียว คือ อารมณ์ พุทโธ ในที่นี้เพื่อต้องการให้เป็น เอกัคคตารมณ์
  • ประโยชน์ของสมาธิ มีทั้งหมด 12ข้อ
    1. ทำให้หลับสบายคลายกังวล
    2. กำจัดโรคภัยไข้เจ็บ
    3. ทำให้สมองปัญญาดี
    4. ทำให้รอบคอบก่อนทำงาน
    5. ทำให้ระงับความร้ายกาจ
    6. บรรเทาความเครียด
    7. มีความสุขพิเศษ
    8. ทำให้จิตใจอ่อนโยน
    9. กลับใจได้
    10. เวลาจะสิ้นลมพบทางดี
    11. เจริญวาสนาบารมี
    12. เป็นกุศล
  • สัมมาสมาธิ คือ ฌานที่1-4 เรียกว่ารูปฌาน ส่วน ฌานที่5-8 เรียนว่า อรูปฌาน เป็นมิจฉาสมาธิ ทำไปก็ไม่เกิดประโยชน์
  • จุดพลังอำนาจ ที่ตั้งของจุดพลังอำนาจคือ ฌานที่4 เมื่อทำถึงจุดนี้แล้วเราจะมีเส้นทาง3เส้นทาง ดังแผนผังสมาธิ(แต่จะไม่เอารูปมาให้ดูนะ เดี๋ยวซวย ถถถถ) ให้ตรงกลางเป็นจดพลังอำนาจ ด้านซ้ายเป็นโลกียญาณ เป็นวิชาญาณ เช่น ดูอดีต เห็นอนาคต รักษาโรค ด้านล่างเป็น อรูปฌาน ด้านขวาเป็น วิปัสสนาญาณ ทางดับกิเลส อันเป็นการพิจารณาไตรลักษณ์ (ซ้าย ล่าง ไปมาหมดลา ที่มาเรียนเพราะหาทางไปทางขวานี่แหละ)
  • ญาณ คือ ความรู้สู่ความสำเร็จ แต่จะสำเร็จได้ ต้องมีความรู้เยอะๆ ความรู้ในที่นี้ก็คือ การทำสมาธินั่นเองงงงง  เพราะงั้น จงทำสมาธิต่อไปนะโยมมมมม
  • วิปัสสนูปกิเลส คือ กิเลส ของการทำวิปัสสนา นาจา เป็นวิปัสสนาที่ผิดวิธีเน้อ
    • วิปัสสนาที่ถูก จะได้ก็ต่อเมื่อมีพลังจิตเพียงพอ
    • วิปัสสนาที่ผิด จะได้ตอนที่ขาดพลังจิต คือมีพลังจิตไม่เพียงพอต่อการทำวิปัสสนา นั่นแหละที่เรียกว่า วิปัสสนูปกิเลส
  • วิทิสาสมาธิ เป็นสมาธิอย่างง่าย ทำครั้งละ 5นาที 3ครั้งต่อวัน เช้า กลางวัน เย็น รวมเป็นวันละ 15นาที เดือนนึงจะได้ 450นาที หรือ 7.5ชั่วโมง
  • อัตถสาสมาธิ คือช่วงเวลาที่ทำสมาธิแล้วได้ประโยชน์สูงสุด เพราะเงียบสงัด และในสมัยพุทธกาล ช่วงเลานี้เป็นช่วงเวลาที่พระพุทธเจ้าใช้ได้การพิจารณาว่าในวันนี้จะทรงไปโปรดสัตว์ที่ใด ช่วงเวลานั้นคือ 04:00 - 05:00 นาฬิกา


สาธุ

ก็จบไปแล้วนะครับกับการรีวิว หรือก็คือการจดบันทึกของ บันทึกท้ายบท ใครที่งงหรือสงสัยก็ไม่ต้องแปลกใจ คนที่เรียนมาเท่านั้นแหละที่จะรู้เรื่อง ใครที่กำลังคิดย้อนแย้งในใจ หรือคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ผิด ผมแค่จะบอกว่า
คุณไม่สามารถตัดสินหนังสือจากปกได้ฉันใด คุณก็ไม่สามารถตัดสินเนื้อหาการเรียน ครูสมาธิ ได้จากการที่ผมสรุปได้ฉันนั้น

คิดไม่ออกละว่าจะเขียนไรต่อ ถถถถถถ ท้ายที่สุดนี้ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะครับ มีอะไรก็คอมเม้นได้

สุดท้ายของสุดท้ายคือ บทความนี้ เขียนเพื่อระบาย และเป็นความอยากในการเผยแพร่ของตัวผมเอง ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น อยากให้ทุกท่านได้อ่านและเป็นวิทยาทานสำหรับบางท่านครับ

May the FORCE be with YOU!!!

คลิปเสียง
 
 


 
 
 



ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ความรู้สึกกับการเรียนหลักสูตรครูสมาธิ